ข่าวประชาสัมพันธ์
ประเพณีอาซูรอสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓
17 กันยายน 2563

ขนมอาซูรอหรือขนมบูโบร์ซูรอ เป็นขนมที่ชาวไทยมุสลิมทำขึ้นในวันที่ 10 เดือนมุฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของปฏิทินอาหรับขนมชนิดนี้เป็นขนมที่ได้จากการนำอาหารหลายอย่างมารวมกันแล้วกวนให้เป็นเนื้อเดียวกันคล้ายขนมเปียกปูน ประเพณีการกวนขนมอาซูรอเริ่มจากเจ้าภาพประกาศเชิญชวนชาวบ้านว่าจะมีการกวนขนม เมื่อถึงวันนัดหมาย ชาวบ้านจะนำเครื่องปรุงขนมมารวมกันและช่วยกันกวน เมื่อเสร็จแล้วจะกล่าวขอพรพระเจ้าแล้วจึงแบ่งขนมไปกินกัน เครื่องปรุงขนมที่ใช้ได้แก่ เครื่องแกง ข้าวสาร น้ำตาล กะทิ และของที่กินได้อื่นๆ เช่น มัน กล้วย ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่

ความเป็นมาของการกวนข้าวอาซูรอ หรือกวนขนมอาซูรอสืบเนื่องจากได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในสมัยนบี นุฮ (อล) ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ไร่นาของประชาชนและสาวกของนบีนุฮ (อล) และคนทั่วไปอดอาหาร นบีนุฮ (อล) จึงประกาศให้ผู้ที่มีสิ่งของเหลือพอจะรับประทานได้ ให้เอามากองรวมกัน และให้เอาของเหล่านั้นมากวนเข้าด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารกันโดยทั่วหน้า

การกวนข้าวอาซูรอ (ขนมอาซูรอ) เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า อาซูรอ เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม การรวมกัน คือการนำสิ่งของที่รับประทานได้หลายสิ่งหลายอย่างมากวนรวมกัน มีทั้งชนิดคาวและหวาน การกวนข้าวอาซูรอจะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อความสามัคคีและสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อนจะแจกจ่ายให้รับประทานกัน เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชนขึ้นมากล่าวขอพร (ดูอา) ก่อน จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกัน

ชาวบ้านในตำบลลุโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสืบสารประเพณีกวนอาซูรอ เพื่อส่งเสริมชุมชนมีความเข็มแข็ง ความรักความสามัคคีและสร้างความปรองดอง ระหว่างภาครัฐและประชาชน เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ได้มาพบปะกับประชาชน เพื่อลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน การกวนข้าวอาซูรอ นอกจาก จะได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว ยังเป็นอาหารมุสลิม สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ การที่ได้เข้าไปร่วมทำขนมอาซูรอ และการกวนอาซูรอเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของพี่น้องไทยมุสลิมให้คงอยู่ และเป็นการปลูกฝังเยาวชนให้เกิดความสามัคคีปรองดอง ที่แสดงถึงอัตลักษณ์แห่งความสมานฉันท์ของมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้

เมื่อเสร็จการกวนก็จะทำพิธีทางศาสนาและรับประทานร่วมกัน และมีการแบ่งขนมให้แก่ผู้ร่วมกวน รวมทั้งแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา เป็นวิถีทางของชุมชนพหุวัฒนธรรม ประเพณีไม่แบ่งแยกศาสนิก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมไม้ร่วมมือของคนในชุมชน พี่น้องประชาชนต่างศาสนิก ผู้นำชุมชน และหน่วยงานราชการ ที่จะช่วยกันรักษาประเพณีอันดีงาม สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น และเมื่อที่ใดมีความรักความสามัคคี สันติสุขย่อมบังเกิดขึ้นในที่แห่งนั้นอย่างแน่นอน